ตามบันทึกความเป็นมาและความหมายของชื่อบ้านในเขตอำเภอบ้านผือของอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ได้บันทึกว่า ตำบลคำบง แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 9 หมู่บ้านและมีชื่อเรียกบ้านจำนวน 9 ชื่อ ปัจจุบันบ้านคำบงแบ่งออกเป็น 2 หมู่ ตำบลคำบงจึงมี 10 หมู่บ้าน ดังนี้
1.บ้านคำบง หมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 10
บ้านคำบง เดิมชื่อ “บ้านนิคมคำบง” ชุมชนนี้อพยพมาจากอำเภอพิบูลย์มังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อประมาณ ปี พ.ศ.2500 โดยมีครอบครัวที่โยกย้ายมา 8 ครัวเรือน นำโดยนายมี ผลวิสุทธิ์ นายชู เจริญศรี นายมา ทินโนรส นายเอียด ชดช้อย นายเปี่ยม-นายตุ่น วงศ์วรรณ นายคำ โคละรัตน์ นายแสน (ไม่ทราบนามสกุล) สำหรับการโยกย้ายครั้งนี้ ได้ไปพักศัยอยู่ที่บ้านดงยาง(บ้านดงเย็น อ.หนองหานในปัจจุบัน) แล้วจึงค่อยย้ายที่มาที่บ้านคำบง ส่วนจุดประสงค์ในการย้ายนั้นก็เพื่อมาจับจองที่ดินสำหรับทำการเกษตรกรรมพื้นที่บ้านคำบงสมัยก่อนนั้น เป็นเขตของทหารที่ใช้สำหรับการฝึกซ้อมรบ ต่อมาได้ยกเลิกเขตแล้วนำมาจัดสรรให้ชาวบ้านเพื่ออยู่อาศัยคนละ 2 งาน
ชื่อบ้าน “คำบง” นั้น มีสาเหตุมาจากทางทิศใต้ของหมู่บ้านมีลำห้วยไหลผ่านชาวบ้านเรียก ชื่อว่า “ห้วยคำบง” เนื่องจากมีต้นบง ซึ่งเป็นชื่อเรียกไผ่ชนิดหนึ่ง เกิดขึ้นอยู่หนาแน่นใกล้กับลำห้วย ประกอบกับบริเวณนี้มีลักษณะเป็น “น้ำคำ” คือเป็นพื้นที่ที่มีน้ำซำตลอดทั้งปี ลักษณะของน้ำเป็นสีเหลืองคล้ายสนิม ชาวบ้านจึงเรียกชื่อหมู่บ้านบ้าน “บ้านคำบง” (นายวาน ศิริพงษ์ :สัมภาษณ์)
2. บ้านเจริญสุข หมู่ที่ 2
ชุมชนที่บ้านเจริญสุขโยกย้ายมาจากบ้านคำบง โดยในเบื้องต้นย้ายออกมาเพียง 1 ครัวเรือนได้แก่ครอบครัวของนายสี มาตรวิเศษ เมื่อปีพ.ศ 2515 เนื่องจากได้มาซื้อที่ดินในพื้นที่แถบนี้เพื่อใช้สำหรับทำการเกษตรกรรมและต่อมาได้ย้ายมาอยู่อาศัยในปีพ.ศ 2517 เมื่อมีผู้คนและบ้านเรือนมากขึ้นจึงขอแยกหมู่บ้านออกจากบ้านคำบง ในครั้งนั้นได้จัดให้มีการประชุมเพื่อตั้งชื่อหมู่บ้าน ซึ่งที่ประชุมมีมติให้ตั้งชื่อว่า “บ้านเจริญสุข” เนื่องจากเห็นว่าเป็นมงคลนามและทำให้เกิดความเจริญ มีความสงบสุขในหมู่บ้าน (นางชุน มาตรวิเศษ :สัมภาษณ์)
3.บ้านดงหมู หมู่ที่ 3
ชุมชนบ้านดงหมู อพยพมาจากบ้านคูและบ้านโคกสีแก้ว โดยมีผู้นำมาได้แก่ ตู้หมื่นศรี ตู้จันทรา ตู้พั้ว และตู้จอง เพื่อมาจับจองที่ดินทำกินในบริเวณหมู่บ้านดงหมูทางทิศใต้มีหนองน้ำขนาดใหญ่อยู่ 1 แห่ง ในสมัยก่อนชาวบ้านได้เล่ากันว่าสัตว์ป่าต่างๆ ได้มาอาศัยกินน้ำในหนองน้ำแห่งนี้ โดยเฉพาะหมูป่าซึ่งมีค่อนข้างชุกชุม เมื่อฝูงหมูป่าได้กินน้ำในหนองแล้วก็จะขึ้นมานอนเล่นที่ชายป่าด้านทิศตะวันออกซึ่งเป็นป่าทึบที่ชาวบ้านเรียกกันว่าดงกินบิ่ง ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านจึงตั้งชื่อหมู่บ้านนี้ว่า “บ้านดงหมู” (นายสมบูรณ์ ผลทิพย์ :สัมภาษณ์)
4.บ้านชัยเจริญ หมู่ที่ 4
ชุมชนบ้านชัยเจริญโยกย้ายมาจากบ้านคู บ้านดงหมูบ้านเม็กโดยมีผู้นำมาได้แก่ ตู้มั่ง ตู้สม ตู้เรียม เมื่อประมาณปี พ.ศ 2502 ทั้งนี้เนื่องจากมีที่นาอยู่บริเวณนี้จึงได้โยกย้ายมาเพื่อดูแลรักษาผลผลิตทางการเกษตรของตนสำหรับที่มาของชื่อบ้านชัยเจริญมีความเห็นเป็น 2 แนวทาง คือ ตั้งตามชื่อผู้ใหญ่บ้านที่มีชื่อว่านายชัยพร ปกติ ทั้งนี้เนื่องจากชื่อบ้านเก่าไม่เป็นมงคลเดิมชื่อ “บ้านบะกัดงัว” จึงได้ตั้งใหม่โดยใช้ชื่อต้นของผู้ใหญ่บ้านคือ “ชัย” มาผสมกับคำว่า “เจริญ” ด้วยหวังว่าต่อไปบ้านเมือง จะมีความเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น และอีกหนึ่งแนวทางคือ ผู้ใหญ่บ้านชัยพร ปกติ ได้ตั้งชื่อบ้านชัยเจริญ ตามนามสกุลของแม่ยายผู้ใหญ่บ้านคนแรกที่มีนามสกุลว่า “ชัยเจริญ” (นายเรียบ หนันสุข :สัมภาษณ์)
5.บ้านนาล้อม หมู่ที่ 5
ชุมชนที่บ้านนาล้อมโยกย้ายมาจากบ้านเม็ก เมื่อประมาณปีพ.ศ 2460 โดยมากันประมาณ 20 ครัวเรือนและในเบื้องต้นได้อยู่อาศัยที่บ้านโพนตาลก่อนแล้วจึงอพยพมาที่โนนป่าหว่าน ซึ่งกลายเป็นบ้านนาล้อมในปัจจุบัน สาเหตุที่ชาวบ้านย้ายออกจากบ้านโพนตาลเพราะว่ามีผู้คนล้มตายมากชาวบ้านเชื่อว่าเกิดจากการกระทำของภูตผีปีศาจ จึงพากันอพยพมาที่โนนป่าหว่านสำหรับชื่อบ้านนาล้อมเกิดขึ้นเนื่องจากครั้งหนึ่งมีข้าหลวงจากทางอำเภอ (นายถ่าย สุวรรณกูฎนายอำเภอบ้านผือ) ได้ออกมาเยี่ยมราษฎรเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้เห็นว่ามีภูมิประเทศเป็นที่เนินและโดยรอบหมู่บ้านที่มีทุ่งนาล้อมรอบจึงตั้งชื่อให้ว่า “บ้านนาล้อม” (นายวันศรี วรศรี :สัมภาษณ์)
6.บ้านนาล้อมน้อย หมู่ที่ 6
บ้านนาล้อมมีชื่อเดิมว่าหนองเม็กชุมชนที่นี่แยกตัวออกมาจากบ้านนาล้อมโดยมีผู้นำ 2 ครัวเรือนได้แก่นายทองศรี วรศรี และนายเสริม วรศรี เมื่อราวปี พ.ศ. 2503 ทั้งนี้เนื่องจากต้องการดูแลผลผลิตและที่ดินที่อยู่ไกลจากบ้านนาล้อม ส่วนชื่อบ้านนาล้อมน้อยก็เนื่องจากเป็นการแยกออกมาตั้งหมู่บ้านใหม่และมีขนาดเล็กกว่าบ้านนาล้อมเดิม จึงได้เรียกว่า “บ้านนาล้อมน้อย”(นายเสริม วรศรี :สัมภาษณ์)
7. บ้านโนนสมบูรณ์ หมู่ที่ 7
บ้านโนนสมบูรณ์ เดิมชื่อว่าบ้านศรีสมบูรณ์ ชุมชนที่นี่อพยพมาจากบ้านตาลเลียนอำเภอกุดจับเมื่อราวปี พ.ศ 2500 โดยย้ายมาครั้งแรกมีจำนวน 16 ครัวเรือน โดยมีผู้นำมาได้แก่พ่อสี -พ่อนัด พละโท นางบุตรดา นางพั้ว จันทร์ปุ่ม ส่วนสาเหตุในการโยกย้ายเนื่องจากต้องการย้ายตามพระอาจารย์สวด เขมิโญ เจ้าอาวาสวัดบ้านตาลเลียนและหาที่ทำกินใหม่ เนื่องจากที่ตั้งบ้านเดิมค่อนข้างแห้งแล้ง ชื่อบ้านโนนสมบูรณ์นั้น พระอาจารย์สวด เขมิโญ เป็นผู้ตั้งให้ ด้วยเห็นว่าพื้นที่เป็นที่สูง ชาวอีสานเรียกโนนและสามารถเพาะปลูกพืชพันธุ์ไม้ได้ผลดี มีความอุดมสมบูรณ์ (นายวีระ ละดาดาษ:สัมภาษณ์)
8.บ้านคำแหน หมู่ที่ 8
บ้านคำแหน ตั้งขึ้นเมื่อปี 2505 มีผู้คนได้อพยพมาจากเมืองร้อยเอ็ด ประมาณ ๗ - ๘ ครอบครัว โดยมีนายขุนบ่าน อินทะชัย นายมี พนมเขต นายยัง อินทะชัย นายนวลศรี อินทะชัย นายน้อย เขตจัตุรัส นายเสียงน้อย ศรีวงษา นายสุข วงศรีจันทร์ และนายเสาร์ ศรีวงดง เป็นผู้นำมาตั้งหลักแหล่งทำมาหากิน ชื่อ “บ้านคำแหน” มีที่มาจาการที่ทางด้านทิศใต้ของหมู่บ้านจะเป็นบริเวณที่มีน้ำซึมน้ำซับตลอดทั้งปี โดยเป็นน้ำที่มีสีคล้ายสนิม ชาวบ้านเรียกกันในภาษาถิ่นว่า “คำ” ประกอบกับที่บริเวณนี้มีต้นแหนซึ่งเป็นพืชน้ำประเภทหนึ่งเกิดขึ้นอย่างหนาแน่น จึงเรียกกันว่า “คำแหน” (นายผุย นันท์แก้ว :สัมภาษณ์)
9.บ้านดงเย็นพัฒนา หมู่ที่ 9
บ้านดงเย็นพัฒนาเดิมชื่อ “ดงกำพร้า” ชุมชนที่นี่มีการโยกย้ายมาจากบ้านดงแดง อำเภอ จตุรภักตร์พิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด โดยในครั้งแรกย้ายมาเพียง 2 ครัวเรือน คือ นายเพชร ปานเหลืองและนายสิทธิ์ เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2508 เพื่อมาจับจองที่ดินทำกินในการทำเกษตรกรรม ชื่อ “บ้านดงเย็นพัฒนา”นั้น เกิดจากครั้งหนึ่งมีพระภิกษุสงฆ์บอกกับชาวบ้านว่าชื่อเดิม คือ “ดงกำพร้า” ไม่เป็นมงคล จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นดงเย็นเพราะจะได้อยู่เย็นเป็นสุข (นายเครื่อง จันทรา :สัมภาษณ์)
สื่อโซเชียล